ทำไมต้องทำ SEO ? พร้อม 10 ประโยชน์ของการทำ SEO ที่มีผลต่อธุรกิจระยะยาว

ทำไมต้องทำ seo

ก่อนจะตอบคำถามว่า ทำไมต้องทำ SEO ประโยชน์ของการทำ SEO มีอะไรบ้าง ? ต้องบอกก่อนครับว่าสมัยนี้แค่มีเว็บไซต์อย่างเดียวไม่เพียงพอ เพราะจะมีประโยชน์อะไร ถ้ามีเว็บ แต่ไม่มีคนเข้าเว็บ !

ซึ่งการทำ SEO นี่แหละครับ จะช่วยให้คนรับรู้การมีอยู่ของเว็บไซต์ ที่เปรียบเสมือนหน้าร้านค้า ธุรกิจไหนที่มีเว็บไซต์แล้วทำ SEO แน่นอนว่าจะเพิ่มโอกาสให้ (ว่าที่) ลูกค้ารู้จักคุณมากขึ้น

Opkung จะพาไปเจาะลึกกันครับว่าทำไมต้องทำ SEO ประโยชน์จากการทำ SEO ที่ส่งผลต่อธุรกิจในระยะยาวมีอะไรบ้าง ?

คลิกอ่านหัวข้อที่สนใจ

10 ประโยชน์ของการทำ SEO ที่ทำไมต้องทำ SEO ?

1.เพิ่มโอกาสให้เว็บไซต์ติดหน้าแรก Google

เป้าหมายหลักของการทำ SEO คือ การทำให้เว็บไซต์ติดหน้าแรก SERPs ก่อน จากนั้นค่อยผลักดันอันดับคีย์เวิร์ดให้มีตำแหน่งสูงขึ้น เช่น Top 5, Top 3, Top 1 ยิ่งเว็บไซต์มีอันดับสูงมากเท่าไหร่ ยิ่งเพิ่มโอกาสให้จำนวนคนเข้าเว็บไซต์ (Traffic) สูงขึ้นตามไปด้วย

นอกจากนี้ หากทำ Content SEO ตรงกลุ่มเป้าหมาย แน่นอนเลยครับ ว่าจะทำให้ (ว่าที่) ลูกค้า เข้ามายังเว็บไซต์เพิ่มขึ้น หากระบบหลังบ้านดี เว็บไซต์ซื้อ-ขายง่าย หรือเซลล์เก่ง มีโอกาสสูงครับที่จะปิดยอดขายได้

ที่สำคัญการทำ SEO อย่างถูกวิธีและต่อเนื่อง จะทำให้เว็บเราติดหน้าแรกได้ตลอดยาว ๆ ไม่หายไปจากสายตาลูกค้า ต่างกับการทำ SEM อย่าง Google Ads ที่เงินหมดเมื่อไหร่ การแสดงผลจะหยุดทันที

คลิกอ่านเพิ่มเติม : SEO กับ SEM คืออะไร ? แตกต่างกันอย่างไร ? เลือกทำแบบไหนดีสุด ?

2.เข้าถึง (ว่าที่) ลูกค้าได้ตรงจุด

การทำ SEO สำหรับธุรกิจ จะเน้นไปที่การทำให้เว็บไซต์แสดงผลการค้นหาตามคีย์เวิร์ด (Keyword) ที่กลุ่มเป้าหมายพิมพ์ค้นหาครับ เช่น หากทำธุรกิจเกี่ยวกับโรงงานน้ำดื่ม แล้ว Money Keyword อย่าง “โรงงานน้ำดื่ม” หรือ “โรงงานผลิตน้ำดื่ม” ติดหน้าแรก Search Engine อย่าง Google

แน่นอนเลยครับ ว่าจะทำให้ว่าที่ลูกค้า ที่กำลังสนใจอยากผลิตน้ำดื่ม เจอเว็บไซต์ (ร้านค้า) ของเราทันที และมีโอกาสสูงมากที่เขาจะกลายมาเป็นลูกค้าของเรา ยิ่งถ้าระบบบริหารหลังบ้านดี ปิดการขายเก่ง แบบนี้ลูกค้าหนีไปไหนไม่ได้แน่ครับ

ยิ่งทำ SEO ดันอันดับคำค้นหาที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจมากเท่าไหร่ โอกาสที่จะได้ลูกค้า ก็ยิ่งมากขึ้น

ประโยชน์ของ SEO เข้าถึงลูกค้าได้ตรงจุด
ประโยชน์ของ SEO เข้าถึงลูกค้าได้ตรงจุด

3.ไม่ต้องเสียเงินเมื่อคนคลิกเข้าเว็บไซต์

จุดนี้ ถือว่าเป็นจุดเด่นของการทำ SEO เลยครับ เมื่อทำ SEO ติดหน้าแรก Google ไม่ว่าคนจะกดคลิกหลักสิบหลักล้าน หรือเยอะแค่ไหน เราไม่ต้องจ่ายเงินให้ใครหน้าไหนทั้งนั้น

แตกต่างจากการทำ Google Ads ที่จะเสียเงินค่าโฆษณาแบบรายคลิก (PPC : Pay Per Click) อารมณ์ประมาณว่ากดเข้าเว็บ 1 ครั้ง ผู้ประกอบการก็เสียเงินแล้วครับ จะเสียมาก-น้อยแค่ไหน ขึ้นอยู่กับคีย์เวิร์ด การแข่งขันของตลาด เงื่อนไขแคมเปญ ฯลฯ

4.สร้างความน่าเชื่อถือให้ธุรกิจของเรา

ด้วยความที่ Google เป็น Search Engine ที่คนใช้งานมากสุดในโลก แน่นอนครับว่ามีความน่าเชื่อถือในสายตาของผู้ใช้งาน เขาจึงมักค้นหาข้อมูลต่าง ๆ ผ่าน Google เป็นหลัก เพราะมองว่า Google นี่แหละ ที่ช่วยแก้ปัญหา ตอบคำถาม และคลายข้อสงสัยของพวกเขาได้ !

โดยเว็บไซต์ที่ติดอันดับต้น ๆ ในหน้า SERP จะมีความน่าเชื่อถือในสายตาของผู้ใช้งานมากกว่าเว็บที่ไม่ติดหน้าแรก หรือไม่แสดงผลในหน้าการค้นหา (ไม่เช่นนั้น Google จะเลือกมาทำไมเนอะ)

นอกจากนี้เว็บไซต์ไหนที่โหลดเร็ว หน้าเว็บใช้งานง่าย ทำเนื้อหาตอบโจทย์ผู้อ่าน ยังสร้างความมั่นใจ และ ความไว้วางใจจากกลุ่มลูกค้าได้ครับ ทำไมต้องทำ SEO ? เพราะการทำ SEO ไม่ได้แค่ช่วยให้คนเจอเว็บเรา แต่ยังสร้าง Brand Awareness ให้ถูกมองว่าเป็นมืออาชีพ ดูโปร มีตัวตน และน่าไว้ใจ

5.เพิ่มจำนวนคนเข้าเว็บไซต์ได้ โดยไม่เสียเงิน

หากธุรกิจไหนก็ตามทำ SEO อย่างต่อเนื่อง จะช่วยเพิ่มจำนวนคนเข้าเว็บไซต์แบบ Organic Traffic ได้ครับ โดยที่ไม่ต้องเสียเงินทำ Google Ads ทุกคีย์เวิร์ดค้นหา เพื่อคาดหวังให้คนเข้าเว็บเพิ่มขึ้น

เพราะคีย์เวิร์ดแต่ละคำ มีราคาต่อคลิกต่างกันครับ

ทำไมต้องทำ seo เพราะลดค่า ppc
ทำไมต้องทำ seo เพราะลดค่า ppc

ลองนึกภาพตามง่าย ๆ ว่าถ้าต้องการให้คนเข้าเว็บไซต์ด้วยคีย์เวิร์ดเหล่านี้ แต่ไม่ทำ SEO เลย จะต้องเสียเงินเท่าไหร่ในการทำ Google Ads

ในทางกลับกันหากทำควบคู่กันไป จะยิ่งเพิ่มโอกาสให้คนเข้าเว็บไซต์มากขึ้นตามไปด้วย

6.เพิ่มช่องทางการทำ Online Marketing ให้ครอบคลุม

การทำ SEO เป็นอีกขาของการทำ Online Marketing ที่จะช่วยเสริมการทำการตลาดโดยรวมให้ดียิ่งขึ้น

เมื่อวางแผนทำ SEO ร่วมกับ Social Media, Google Ads, Email Marketing ฯลฯ จะช่วยให้ทุกช่องทางการตลาดเชื่อมโยงกัน เสริมประสิทธิภาพซึ่งกันและกัน เข้าทุกกลุ่มลูกค้าได้ทุกแพลตฟอร์ม

ตัวอย่างเช่น นำบทความ SEO ในเว็บไปทำ Content แยกตามแต่ละ Platform เช่น

  • ทำภาพ + โพสต์ใน Facebook + IG
  • ทำคลิปวิดีโอแบบยาวลง Youtube
  • ทำ Podcast
  • ทำ Short Clip ลง TikTok, IG Reels, Youtube Shorts
  • Broadcast ให้กลุ่มลูกค้าเดิมผ่าน Line OA
  • ทำ Email Marketing ผ่านช่องทางอีเมล

อันนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้นครับ จริง ๆ สามารถทำ SEO ร่วมกับ Online Marketing อื่น ๆ ได้เยอะมากกกก

7.มีโอกาสแข่งขันกับแบรนด์ใหญ่ได้แม้มีงบจำกัด

การทำ SEO เป็นอีกช่องทางเพิ่มโอกาสให้ธุรกิจ SME หรือ ผู้ประกอบการรายเล็ก สามารถแข่งขันกับแบรนด์ใหญ่ได้ครับ ผ่านการวางกลยุทธ์ SEO แบบที่ทำตามได้จริง และเหมาะกับรูปแบบธุรกิจ เช่น เลือกคีย์เวิร์ดที่ใช่ตรงกลุ่มเป้าหมาย ปรับปรุงเว็บไซต์ให้ใช้ง่าย โหลดเร็ว ตอบโจทย์ลูกค้า

แม้แบรนด์ใหญ่จะมีงบประมาณสูงกว่า แต่หากวางกลยุทธ์ SEO ไม่ดี จ้างทีมงานทำไม่เป็นมาดูแล แน่นอนครับว่าธุรกิจขนาดเล็กมีโอกาสแย่งพื้นที่หน้าแรก Google ได้ เพิ่มโอกาสให้กลุ่มเป้าหมายเจอเว็บเรามากขึ้น

SEO ประโยชน์ แข่งกับแบรนด์ใหญ่ได้
SEO ประโยชน์ แข่งกับแบรนด์ใหญ่ได้

8.ให้ผลลัพธ์ระยะยาว ไม่ต้องเริ่มใหม่ทุกเดือน

ถ้าพูดแบบตรง ๆ การทำ SEO เป็นการเดินเกมส์ยาวครับ ที่จะเห็นผลในระยะยาวหากทำต่อเนื่องโดยทำ SEO อย่างถูกวิธีตรงตามแนวทาง Google + ถูกใจ User ไม่มีทางที่จะทำแค่ 1-3 เดือนแล้ว Success 100% ต้องใช้เวลาอย่างน้อย 6-12 เดือนขึ้นไป

และแน่นอนครับการทำ SEO ติดหน้าแรก จะทำให้เว็บเรามีอันดับแสดงผลต่อเนื่อง โดยไม่ต้องใช้เงินโปรโมท แม้เงินหมดแต่การแสดงผลก็ยังคงอยู่ครับ ไม่หายไปในทันที (เว้นเสียแต่ว่าหยุดทำนานเกินไป) ไม่ต้องมานั่งตั้งค่าแคมเปญใหม่ทุกเดือน

9.ช่วยให้รู้จักกลุ่มลูกค้าได้ง่ายขึ้น

นอกจากการทำ SEO จะเพิ่มโอกาสทางการขายได้แล้ว ยังช่วยให้ผู้ประกอบการทราบครับ ว่ากลุ่มคนที่เข้ามายังเว็บไซต์เรา มีความสนใจเรื่องใดบ้าง มีพฤติกรรมแบบไหน อยู่ในเว็บนานไหม คลิกมาที่เว็บไซต์หน้าไหนเยอะสุด มาด้วยคีย์เวิร์ดอะไร ฯลฯ

ข้อมูลเหล่านี้ สามารถรู้ได้ด้วยการวิเคราะห์ข้อมูลผ่าน Google Search Console, Google Analytics รวมถึงเครื่องมือ SEO อื่น ๆ โดยนำข้อมูลเหล่านี้ไปปรับปรุงสินค้า-บริการ ปรับหน้าเว็บไซต์ ฯลฯ ให้สมบูรณ์และตอบโจทย์ผู้ใช้งานมากยิ่งขึ้น

เช่น หากมีคนพิมพ์ค้นหาเรื่อง นวดอโรม่า ที่ไหนดี เข้ามาที่เว็บบริการนวดของเรา เราสามารถนำคีย์เวิร์ดนี้ไปทำบทความ SEO โดยมี Section กล่าวถึงร้านเรา หรือ ปรับปรุงเนื้อหาเดิมที่มีให้ดียิ่งขึ้นได้ครับ

10.ช่วยอุดรอยรั่ว ช่องโหว่ บนเว็บไซต์

เมื่อทำ SEO แล้วมีการ Tracking เว็บไซต์ผ่านเครื่องมือ SEO ต่าง ๆ เช่น Google Search Console, Google Analytics, Ahrefs ฯลฯ จะทำให้เราทราบครับว่าเว็บไซต์หน้าไหนโหลดช้า, ลิงก์เสีย (Broken Link), หน้าไหน Google ไม่เก็บข้อมูล ฯลฯ

สิ่งเหล่านี้คือรอยรั่วที่เกิดในเว็บ หากไม่ได้รับการปรับปรุง จะมีผลให้เว็บไซต์ติดอันดับไม่ดี เป็นการผลักลูกค้าออกให้ไปเข้าเว็บอื่น หรือมอบประสบการณ์การใช้งานที่ไม่ดีให้ User

เมื่อรู้ว่ารูรั่วอยู่ตรงไหน จะสามารถแก้ไขได้ตรงจุด ทำให้เว็บไซต์สมบูรณ์ขึ้น ได้รับความไว้ใจจาก Google และสร้างประสบการณ์ที่ดีให้ผู้ใช้งาน

ตัวอย่างการเติบโตของเว็บไซต์ที่ทำ SEO กับ Opkung

ผลงานตัวอย่าง seo
ผลงานตัวอย่าง seo
ตัวอย่างผลงานรับทำ seo
ตัวอย่างผลงานรับทำ seo
ผลงานให้บริการรับทำ seo
ผลงานให้บริการรับทำ seo

ถ้าไม่ทำ SEO ได้ไหม มีผลกระทบอะไรบ้าง ?

เว็บไซต์ที่ไม่ทำ SEO อาจเจอสิ่งเหล่านี้ได้ครับ

  • พลาดช่องทางการทำ Online Marketing ที่คนไทยใช้ค้นหากว่า 97.27%
  • ไม่มีคนค้นหาเว็บไซต์เราเจอบน Google
  • พลาดโอกาสเจอลูกค้า แบบคู่แข่งที่ทำ SEO
  • ไม่มีข้อมูลไปต่อยอดเพิ่ม ว่าลูกค้าค้นหาอะไรบน Google มีคนสนใจด้านไหน ฯลฯ

อันนี้เป็นแค่โอกาสที่เราอาจพลาดไปส่วนหนึ่งจากการไม่ทำ SEO ครับ ยิ่งถ้าเป็นธุรกิจแนว B2B หรือ B2B2C ที่มีมูลค่าการซื้อ-ขายเยอะ หากเป็นไปได้ Opkung อยากเชียร์ให้ทำ SEO เพื่อเพิ่มโอกาสให้ธุรกิจเป็นที่รู้จัก และเติบโตในระยะยาว

ทำไมต้องทำ SEO ตลอดไป ทำครั้งเดียวได้ไหม ?

การทำ SEO ให้เห็นผลลัพธ์ จำเป็นต้องทำ SEO ต่อเนื่องครับ เพราะถ้าหยุดทำเมื่อไรมีโอกาสที่

  • คู่แข่งแซงหน้า
  • คีย์เวิร์ดที่เคยติดหน้าแรกหาย
  • คนเข้าเว็บไซต์น้อยลง
  • คนเห็นเว็บไซต์เราน้อยลง

นี่จึงเห็นเหตุผลครับว่าทำไมต้องทำ SEO อย่างต่อเนื่อง

อีกอย่างการทำ SEO อย่างถูกต้องตามแนวทาง Google ไม่มีทางครับที่จะทำแค่ 1 ครั้งแล้วเห็นผล เพราะโดยปกติแล้วการทำ SEO จะเริ่มเห็นผล 6-12 เดือนขึ้นไป ตามความยาก-ง่ายของการแข่งขัน

สรุปเรื่องทำไมต้องทำ SEO เพื่อให้ธุรกิจเติบโต

ทำไมต้องทำ SEO ? เพราะการทำ SEO ให้คีย์เวิร์ดที่ใช้ติดหน้าแรก ช่วยลดต้นทุนการทำ Google Ads และช่วยให้ธุรกิจเติบโตได้อีกช่องทางครับ โดยที่ไม่ต้องเสียเงินโฆษณาสักบาท ลูกค้าเข้าถึงเว็บไซต์ที่เปรียบเสมือนร้านค้าได้ตลอด 24 ชั่วโมง

นอกจากนี้ ยังทำให้ธุรกิจเป็นที่รู้จัก ลูกค้าจดจำได้เมื่อค้นหาข้อมูลแล้วเจอเว็บไซต์เราเป็นอันดับต้น ๆ ของแบบนี้มีแต่ได้กับได้ ถ้าเจอคนรับทำ SEO หรือ บริษัทรับทำ SEO ที่ใส่ใจธุรกิจของเราครับ